Honda City 2023 โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ 2 รูปแบบที่แตกต่างกัน แต่ให้การประหยัดที่ดีทั้งคู่ โดยการทดสอบอัตราการประหยัดน้ำมันจากกรุงเทพฯ สู่จังหวัดสิงห์บุรีไปกลับรวมระยะทางกว่า 260 กิโลเมตร
รีวิว Honda City 2023
กิจกรรมการทดสอบรถ “ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่” Honda City 2023 โดยให้สื่อมวลชนทดสอบสมรรถนะของรถพร้อมแข่งขันประหยัดน้ำมันเพื่อให้ได้ตัวเลขการประหยัดน้ำมันสูงสุดในแต่ละรุ่นระหว่าง e:HEV และรุ่น TURBO ใครจะทำตัวเลขได้เท่าไหร่
โดยเส้นทางในการวิ่งทดสอบเพื่อหาตัวเลขประหยัดน้ำมันจากกรุงเทพถึง สิงห์บุรีประมาณ 133 กิโลเมตรโดยการแบ่งรถออกเป็น 2 รุ่นเพื่อความเท่าเทียมกันโดยทีมงานได้รถ Honda City 2023 e:HEV โดยการทดสอบนั้นจะมีสื่อ 2 ท่านต่อหนึ่งคันสลับกันขับ
Honda City 2023 ขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และ แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน มอบแรงบิดมอเตอร์สูงสุดที่ 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 3,000 รอบต่อนาที และยังให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 27.8 กิโลเมตร/ลิตร มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 83 กรัม/กิโลเมตร รองรับพลังงานทางเลือก E20 ทั้งนี้ ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV จะปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ให้โดยอัตโนมัติตามความเหมาะสม ประกอบด้วย 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)
Honda City 2023 ขุมพลัง TURBO กับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว ที่มาพร้อม Turbo Charger มอบกำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 – 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) ให้อัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 99 กรัม/กิโลเมตร และสามารถรองรับพลังงานทางเลือก E20
การทดสอบ Honda City 2023
แน่นอนว่า อัตราการประหยัดที่โรงงานเคลมคือ 27.8 กิโลเมตร/ลิตร ถ้าวิ่งจริงแบบตั้งใจ honda city 2023 จะสามารถทำตัวเลขได้เท่าไหร่ วิ่งออกจากกรุงเทพฯใช้เส้นทางวงแหวนตะวันออก โดยไม้แรกจากทีมงาน autostation รถบรรทุกเยอะโดยช่วงแรกวิ่งโดยไม่เปิดแอร์เพื่อทำตัวเลขและสามารถทำอัตราการประหยัดได้มากสุดที่หน้าปัดถึง 42 กิโลเมตร/ลิตร ถือว่าเยอะมาก จึงทำการเปิดแอร์วิ่งตามปกติโดยวิ่งความเร็วไม่เกิน 60-70กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งตามรถบรรทุกเพื่อบังลม ถึงจุดแรกตัวเลขอยู่ที่ 38 กิโลเมตร/ลิตร ไม้สองทีมงานรับต่ออีกประมาณ 40 กิโลเมตร ใช้วิธีการเดิม ถึงที่หมายสามารถทำตัวเลขได้ 36 กิโลเมตร/ลิตร เฉลี่ยรวมได้ที่ 37 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งถือว่าประหยัดมากๆในการทดสอบ มากกว่าตัวเลขจากโรงงาน แสดงให้เห็นว่าอัตราการประหยัดน้ำมันนั้นถ้าตั้งใจวิ่งก็สามารถประหยัดได้มากแต่แน่นอนว่าการวิ่งแบบนี้เพื่อการทดสอบเท่านั้น วิ่งจริงทำตัวเลขอยู่ในกลุ่ม 20กว่ากิโลเมตร/ลิตร ก็ถือว่าเยอะมากแล้ว สำหรับในรุ่น TURBO สามารถทำตัวเลขได้สูงสุดถึง 34 กิโลเมตร/ลิตร
ขากลับเข้ากรุงเทพฯ ไม่ได้ทดสอบและสลับรถเป็นรุ่น TURBO ขับขี่ตามปกติใช้งานทั่วไปความเร็วตามกฎหมายถึงที่หมายสามารถทำตัวเลขอัตราการประหยัดเฉลี่ยที่ 19 กิโลเมตร/ลิตร ถือว่าประหยัดมากๆเช่นกันสำหรับการใช้งานทั่วไป
ในส่วนของการปรับเปลี่ยนสิ่งที่เด่นคือ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย ที่เพิ่มขึ้นในรุ่น TURBO ซึ่งช่วยให้การขับขี่นั้นสบายมากยิ่งขึ้น แต่ในส่วนของช่วงล่างหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ นั้นเพิ่มเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในรุ่น ไฮบริด e:HEV เพิ่มรุ่นย่อยที่ถูกลง sv
เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์ คนเดินถนน จักรยาน และจักรยานยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบไปด้วย 6 ฟังก์ชันการทำงานหลัก ๆ ดังนี้
- ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC) (รุ่น V, SV และ RS) พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (with Low-Speed Follow: with LSF) (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
- ใหม่ ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
สรุปรีวิว Honda City 2023
Honda City 2023 ใหม่ ทั้งสองรุ่นกับการปรับโฉมให้ดียิ่งขึ้นพร้อมอุปกรณ์ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING)ที่ช่วยให้เราขับขี่ได้ง่ายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น city โดดเด่นในเรื่องเครื่องยนต์ที่ให้การขับขี่ได้อย่างสนุกสนานแรงแถมประหยัด แต่ออฟชั่นบางอย่างอาจจะเสียเปรียบคู่แข่งในตลาด เช่น กล้อง360 เบาะนั่งปรับไฟฟ้า แอร์หลังในรุ่นเทอร์โบ เพราะถ้าเทียบราคาค่าตัวนั้นถือว่าสูงมากกับคู่แข่งในตลาด
(แอร์หลังเฉพาะe:HEV)
ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ มีให้เลือก 2 ขุมพลังขับเคลื่อน รวม 5 รุ่นย่อย แบ่งเป็น
• ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย
รุ่น e:HEV RS ราคา 839,000 บาท
รุ่น e:HEV SV ราคา 769,000 บาท
• ฮอนด้า ซิตี้ เทอร์โบ ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย
รุ่น RS ราคา 749,000 บาท
รุ่น SV ราคา 679,000 บาท
รุ่น V ราคา 629,000 บาท
สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ได้แก่ สีน้ำเงินออบซิเดียน (มุก) (เฉพาะรุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) (เฉพาะรุ่น RS และ e:HEV RS) สีขาวแพลทินัม (มุก) (เฉพาะรุ่น SV, RS, e:HEV SV, และ e:HEV RS) สีดำคริสตัล (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) และสีขาวทาฟเฟต้า (เฉพาะรุ่น V)
ที่มา https://www.autospinn.com/2023/07/honda-city-2023-131469